วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ทดสอบปลายภาค

ให้นักศึกษาอ่านบทความต่อไปนี้ วิเคราะห์แสดงความคิดเห็น 

1.แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ให้นักศึกษาอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า "แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา"ให้เขียนเชื่อมโยง วิเคราะห์ลงในบล็อกของนักเรียน 
            ความหมายของแท็บเล็ต
            คือ แผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆ โดยการเขียนซึ่งมีมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่มีการปรับใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะมีหลายบริษัทที่ได้ให้คำนิยามหรือการเรียกชื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น แท็บเล็ตพีซี (Tablet PC) และ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (Tablet)
            ความเป็นมาของแท็บเล็ต
          จากการศึกษาวิเคราะห์ในเชิงประวัติศาสตร์มีข้อสันนิษฐานและกล่าวกันมาว่าแท็บเล็ตในยุคประวัติศาสตร์ได้เริ่มต้นจากการที่มนุษย์ได้คิดค้นเครื่องมือสำหรับการพิมพ์หรือบันทึกข้อมูลจากแผ่นเยื่อไม้ที่เคลือบด้วยขี้ผึ้งบนแผ่นไม้ในลักษณะของการเคลือบประกบกัน 2 ด้าน ใช้ประโยชน์ในการบันทึกอักขระข้อมูล หรือการพิมพ์ภาพ ซึ่งปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนจากบันทึกของซิเซโร ชาวโรมัน
            แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา
          การใช้แท็บเล็ตโดยให้ผู้เรียนและผู้สอนมีแท็บเล็ตเป็นของตนเองเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าการใช้แท็บเล้ตจะเป็นแรงจูงใจของผุ้เรียนและมีผลกระทบในทางบวก ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าและเข้าถึงองค์ความรู้นอกห้องเรียนอย่างกว้างขวาง  สำหรับในด้านการจัดการเรียนการสอนนั้น การใช้แท็บเล็ตนั้นช่วยส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาหลักสูตรหรือการจัดการเรียนการสอนที่มีเทคโนโลยีเป็นส่วนประกอบ
            เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตนับได้ว่าเป็นสื่อกระแสหลักที่กำลังมาแรงในสังคมยุคออนไลน์หรือสังคมสาระสนเทศระบบเปิดในปัจจุบัน เป็นสื่อที่นำมาใช้ในทุกกลุ่มอาชีพรวมทั้งการศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกระดับเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกและมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งาน อย่างไรก็ตามนวัตกรรมและเทคโนโลยีตามกระแสสังคมจะต้องมีการวางแผนและปรับปรุงอย่างรอบคอบเพื่อให้บรรลุผลสูงสุดในการปฏิบัติ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องในการใช้สื่อแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาจะต้องวิเคราะห์รายละเอียดและกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการปรับใช้กับผู้เรียน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้สอน คือ ครู ที่จะต้องมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์
แหล่งที่มา : http://www.chusak.net/index.php?mo=3&art=41993028
                  http://www.tabletd.com/articles  
                  http://www.mict.go.th/ewt_news.php?nid=5282&filename=index 
       
2.อ่านบทความเรื่องสมาคมอาเซียนอ่านบทความอย่างน้อย 3 บทความหรือมากกว่า ใช้ Keywordว่า "สมาคมอาเซียน" ให้เขียนวิเคราะห์ ประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน การเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อไปสู่อาเซียนได้อย่างไร
ประชาคมอาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เป็นองค์กรระหว่างประเทศระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีจุดเริ่มต้นโดยประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคม เมื่อ เดือน ก.ค.2504 เพื่อการร่วมมือกันทาง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม แต่ดำเนินการไปได้เพียง 2 ปี ก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากความผกผันทางการเมืองระหว่างประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย จนเมื่อมีการฟื้นฟูสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ จึงได้มีการแสวงหาหนทางความร่วมมือกันอีกครั้งจนปัจจุบันมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ
วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งประชาคมอาเซียน
1. ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม
2. ส่งเสริมการมีเสถียรภาพ สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
3. ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิชาการ วิทยาศาสตร์ และด้านการบริหาร
4. ส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการฝึกอบรมและการวิจัย
5. ส่งเสริมความร่วมมือในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การค้า การคมนาคม การสื่อสาร และปรับปรุงมาตรฐานการดำรงชีวิต
6. ส่งเสริมการมีหลักสูตรการศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
7. ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศ
สำหรับประเทศไทยกับการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มอาเซียน ก็จะช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจที่ขึ้น มาการแลกเปลี่ยนกลไกทางการค้าระหว่างประเทศ มีการแลกเปลี่ยนกันทางวัฒนธรรมและทางสังคม ส่งเสริมความมีสันติภาพและความมั่นคงต่อกัน เมื่อประเทศมีความมั่นคงทำให้ประเทศอื่นมีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เมื่อมีประเทศอื่นเข้ามาลงทุนมาก็จะทำให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวดีขึ้น
สำหรับการเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา คือ ก่อนอื่นเราจะต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องของภาษาเราจะต้องฝึกพูดภาษาที่ใช้กันในอาเซียนเพื่อที่จะได้เปรียบในการทำงาน และครูจะต้องมีความรู้ ความสามารถ จะต้องเป็นคนที่รู้ลึก รู้จริง เพราะต่อไปนี้พอมีอาเซียนเข้ามาจะมีบุคคลจากภายนอกเข้ามาทำงาน เข้ามาเป็นคู่แข่งกับเรา ดังนั้นการเตรียมตัวก็ควรจะเตรียมตัวทั้งแต่แรกเริ่มเพื่อความสบายในวันข้างหน้า
แหล่งที่มา :  http://www.cityub.go.th/index.php?option=com
                  http://www.chusak.net/index.php?mo=3&art=41977045
                  http://www.thai-aec.com/418                   
           
 3.อ่านบทความครูกับภาวะผู้นำของ ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครู ให้ยกตัวอย่าง ประกอบ แสดงความคิดเห็น บทความ ผศ.ดร.สมาน คำฟูแสง
"การที่ครูมีความรู้ความสามารถและแสดงออกในความสามารถที่มีอยู่ให้เห็นว่าเป็นผู้มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอนจนทำให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู นักเรียน (นักศึกษา) และผู้ปกครอง จนทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมให้เกิดในองค์กรได้"  ซึ่งครูที่ดีจะต้องมีศรัทธาต่อลูกศิษย์ทุกคนไม่ว่าจะเรียนเก่งหรือเรียนอ่อน  มีความไว้วางใจลูกศิษย์ทุกคนสามารถปรึกษาได้และครูต้องเก็บไว้เป็นความลับ  สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกศิษย์ทุกคนและที่สำคัญครูต้องยอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคล
            ครูที่จะเป็นผู้นำทางการเรียนการสอนควรมีพฤติกรรม 7 ประการ คือ
1.หาหนังสือที่ติดอันดับขายที่ดีที่สุดมาอ่าน ซึ่งครูจะต้องรู้จักหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ ต้องรู้ทันในเหตุการณ์ปัจจุบันว่าปัจจุบันนี้หนังสืออะไรเป็นที่นิยมกันแล้วครูก็ต้องไปหามาอ่าน เพื่อจะได้มีความรู้ในการสอนเด็ก
2.อยู่กับปัจจุบัน / ทันสมัย ครูจะต้องอยู่กับปัจจุบัน จะต้องทันต่อสื่อเทคโนโลยีต่างๆจะต้องมีการสอนที่แปลกใหม่และทันสมัย
3.หาข้อมูลที่มีความรู้เกี่ยวกับเด็ก ครูจะต้องหาความรู้เกี่ยวกับเด็กอยู่เสมอเพื่อจะได้รู้ทันเกี่ยวกับเด็กและสามารถพูดคุยกับเด็กได้อย่างถูกต้อง
4.ทำให้เด็กแสดงออกซึ่งการเป็นภาวะผู้นำ ครูรู้จักการแสดงออกในทางที่ถูกต้อง สอนให้เด็กรู้จักเป็นผู้นำ เช่น แบ่งกลุ่มให้ทำงานแล้วให้สมาชิกในกลุ่มเปลี่ยนกันเป็นหัวหน้ากลุ่มในแต่ละครั้งที่ให้ทำงานเพื่อให้ทุกคนรู้จักการเป็นผู้นำ
5.กำหนดให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม การที่เราให้เด็กรู้จักการทำงานกลุ่มจะสอนให้เด็กรู้จักในเรื่องการทำงานเป็นกลุ่ม รู้จักการรับผิดชอบร่วมกันและความสามัคคี
6.เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้เด็กฟังจะทำให้เด็กมีความรู้นอกเนื่องจากที่ครูสอน ทำให้เด็กมีความอยากรู้ อยากเรียนและสนใจเรียนมากขึ้น
7.ท้าทายให้เด็กได้คิด ครูจะต้องเป็นคนที่สอนให้เด็กรู้จักคิด สอนให้เด็กคิดเป็น ไม่ใช่ไปบอกให้เด็กรู้
แหล่งที่มา : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/315219

4.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นและประเมินวิชานี้ว่า การเรียนรู้โดยใช้บล็อก นักศึกษามีวิธีการเรียนรู้อย่างไร แสดงความคิดเห็นหากจะเรียนรู้โดยใช้บล็อก ต่อไปข้างหน้าโอกาสจะเป็นอย่างไร ควรที่จะให้คะแนนวิชานี้อย่างไร และหานักเรียนต้องการจะได้เกรดในวิชานี้ นักเรียนจะต้องพิจารณาว่า 
           สำหรับการเรียนวิชาการจัดการบริหารในชั้นเรียน เป็นเรียนโดยการใช้บล็อกซึ่งก็ไม่ได้เคยเรียนในวิชาไหนมาก่อนถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่  ซึ่งการเรียนการสอนแบบนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากเป็นการเรียนผ่านคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องใช้กระดาษไม่ต้องเปลืองทรัพยากรธรรมชาติและช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ด้วย เป็นการเรียนการสอนที่ไม่ว่าผู้เรียนอยู่ที่ไหนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาเพียงแต่ให้มีอินเตอร์เน็ต สำหรับการที่ได้เรียนการสร้างบล็อกทำให้มีความรู้ที่ใหม่ๆ ซึ่งบล็อกนี้จะมีลูกเล่นที่หลากหลาย สามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันเวลาเราไปฝึกสอนหรือว่าเราไปสอนจริงที่โรงเรียนสามารถนำไปสอนให้กับเด็กได้ และเวลานำเสนองานต่างๆก็สามารถนำเสนอได้ด้วยเมื่อเราทำงานแล้วยังไม่พอใจตรงไหนก็สามารถแก้ไขใหม่อยู่ได้จนกว่าเราจะพอใจ และผู้อื่นสามารถเข้ามาดูความรู้ที่เราเขียนลงไปได้ด้วยซึ่งสามมารถถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่นได้ด้วยและที่สำคัญการที่เราทำบล็อกเป็นสามารถสร้างรายได้ให้เราได้ด้วยเวลาที่เราไปเป็นวิทยาการ
เกรดที่ควรได้ในวิชานี้ คือ เกรด A เพราะ
1.ในการทำงานแต่ละครั้งตนเองมีความพยายามมาก ในการเรียนแต่ละครั้งแบกโน๊ตบุคมาเรียนทุกครั้งและก็หนักมากด้วย
2.การเข้าเรียน เข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาดสักครั้งเดียว แม้ว่าในบางครั้งจะเข้าเรียนสายบ้างก็ตาม
3.การส่งงาน ส่งงานทุกครั้งตามที่อาจารย์สั่ง ไม่เคยขาดส่งงานเลยสักครั้ง และงานที่ทำแต่ละครั้งจะทำคนเดียว จะทำตามความคิดของตนเองไม่เคยคัดลอกของเพื่อนเลยหรือบางครั้งอาจจะเอาแนวมาจากอินเตอร์เน็ตบ้างก็ตามแต่ก็นำมาดัดแปลงใหม่
4.สิ่งที่ตอบมาทั้งหมดนี้ เป็นความจริง ตอบด้วยความซื่อสัตย์ ตามเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น





วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 10

เรียงความวันแม่
            “แม่” คำๆนี้เป็นเพียงคำสั้นๆ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้ง ท่านคือผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งบนโลก แต่กลับเป็นคนพิเศษสำหรับลูกรัก แม่คือผู้ประเสริฐสุดในชีวิตทุกๆชีวิต เป็นผู้ที่สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูกได้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง ของมีค่า หรือแม้กระทั่ง ลมหายใจที่ยังเหลืออยู่ของแม่
         ตลอดเวลาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ จน ณ วินาทีนี้ แม่ก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ไม่มีสิ้นสุด แม่ให้ทั้งความรัก  ความห่วงหา ความห่วงใยความอาทร อีกทั้งยังมอบความรักที่มิอาจมิรักใดมาทดแทนได้ให้แก่เรา นั่นก็คือความรัก ความผูกพัน ระหว่าง “แม่ และ ลูก”  รักของแม่นั้นเปรียบดั่งสายธารา ที่คอยระงับความทุกข์ใจของลูก แม้ในยามที่ลูกไม่ต้องการ แต่เรานั้น…ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของแม่เลย เรากลับทำให้แม่ต้องเจ็บช้ำ เสียน้ำตา ในบางกิริยาที่เราแสดงออก ถึงกระนั้นก็ตาม ในเวลาที่ลูกรักมีปัญหา แม่ก็คือผู้ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี ในเวลาที่ลูกรักต้องเสียน้ำตา  แม่ก็สละเวลาทำงานของแม่ มาคอยปลอบโยน ไม่คิดโกรธ หรือเคืองลูกรักแม้แต่น้อย ที่ในบางครั้งบางคราว ลูกรักก็ไม่เชื่อฟังคำที่แม่พร่ำสั่งพร่ำสอน ถ้าจะให้เปรียบพระคุณของแม่นั้นก็คงจะเปรียบประดุจ “ผืนทราย” ที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง เหมือนรักของแม่ที่มีแต่การให้เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน นอกจากรอยยิ้มของลูก ความรู้สึกที่แม่มีต่อลูกนั้นเปรียบประดุจดั่ง “พื้นน้ำ” ที่ไม่มีวันหมดสิ้นไปจากโลกา ในช่วงเวลาต่างๆในชีวิต เรานั้นก็ต่างผ่านอารมณ์ต่างๆมามากมาย ในเวลาที่เรามีความสุข แม่ก็มีความสุขไปกับเรา แต่ในเวลาที่เราทุกข์ แม่กลับทุกข์กว่าเราหลาย 10 หลาย 100 เท่า แต่ท่านก็ไม่เคยแสดงออกถึงความอ่อนล้า ความเหน็ดเหนื่อยของท่านให้เราได้สังเกตเห็นเลย แม่ของเรานี้ช่างอดช่างทนเหลือเกิน แต่ที่ท่านอดทนนี้ก็ด้วยความรัก ความห่วงใย และความผูกพันที่มีต่อลูกทั้งสิ้น ในชีวิตนี้ แม่ยอมโกหกเราเพื่อให้เรามีความสุข โกหกนั้นก็คือ คำว่า “ไม่เหนื่อย ไม่โกรธ ไม่เจ็บ ไม่เศร้า และไม่ในอีกหลายๆอย่าง” ของแม่ แม่พูดคำๆนี้ออกมาในความหมายตรงกันข้ามกับความเป็นจริง แต่ที่โกหกนี้ก็เพื่อไม่ให้ลูกรักต้องกังวลถึงเรื่องของตนเอง 
        พระคุณที่แม่ได้มอบให้แก่เรา ไม่ว่าจะให้มีกระดาษกี่ร้อยกี่พันแผ่นก็ไม่สามารถเขียนบรรยายออกมาได้หมดสิ้น หรือต่อให้นักพูดมืออาชีพมาบรรยาย ก็มิอาจจะพูดได้ลึกซึ้งเท่าใจสัมผัส ความรู้สึกนี้มัน “เกินจะบรรยาย” จริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมิอาจทดแทนได้

กิจกรรมที่ 9

บรรยากาศในชั้นเรียน มีส่วนสำคัญในการส่งเสิรมความสนใจใคร่รู้ใคร่เรียนให้แก่ผู้เรียน ชั้นเรียนที่ดีจะต้องมีบรรยาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความเห็นอกเห็นใจ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ย่อมเป็นแรงจูงใจภายนอกที่กระตุ้นให้ผู้เรียนรักการเรียน รักการอยู่ร่วมกันในชั้นเรียน และช่วยปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความประพฤติอันดีงามให้แก่นักเรียน
คุณสมบัติของห้องเรียนที่ดี
1.มีบรรยากาศแจ่มใส สะอาด สว่าง ความก้างพอเหมาะ
2.มีโต๊ะ เก้าอี้ เป็นระเบียบเรียบร้อย
3.มีมุมวิชาการส่งเสริมความรู้
4.มีการตกแต่งภายในห้องให้สดใส
5.ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น เสียง กลิ่น ควัน
6.มีแสงสว่างพอเหมาะ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนอ่านหนังสือได้ชัดเจน



วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 8

ครูมืออาชีพในความคิดของข้าพเจ้า
             ครูมืออาชีพในความคิดของข้าพเจ้า คือ จะต้องตระหนักในเรื่อง คุณภาพการเรียนการสอน ซึ่งมีความสามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกคน ซึ่งครูมืออาชีพจะต้องมีความสามารถ เช่น
1. สามารถประยุกต์ใช้ยุทธศาสตร์ และการจัดระบบ ได้อย่างเหมาะสมกับการเรียนรู้และความต้องการทางการศึกษาของผู้เรียน สภาพแวดล้อมของโรงเรียนและสาระการเรียนรู้ที่สอน
            2. สามารถติดตามการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ใช้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อวางแผนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนเป็นรายบุคคล เป็นกลุ่มและเป็นชั้น
            3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างอิสระ ฝึกการใช้ภาษา คาดหวังให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการเรียนรู้
            4. พัฒนาความสัมพันธ์เชิงจรรยาบรรณบนพื้นฐานทักษะการสื่อสารที่ดีให้การยอมรับผู้เรียนทุกคน และคาดหวังจะได้รับการยอมรับจากผู้เรียน
            5. มีความรู้ที่ทันสมัย และสนับสนุนข้อคิดเห็นที่มีต่อหลักสูตรอย่างกระตือรือร้น
            6. เชื่อความสามารถในการเรียนของผู้เรียนทุกคน คาดหวังว่าผู้เรียนทุกคนเรียนรู้และส่งความคาดหวังนี้ไปยังแต่ละบุคคล โรงเรียนและชุมชน
7. กระตือรือร้นในการฝึกผู้เรียนเข้าสู่ประสบการณ์แห่งการเรียนรู้เรื่องที่ผู้เรียนเห็นว่ามีความสำคัญต่อชีวิตของตน
            8. ช่วยให้ผู้เรียนสามารถสร้างความเชื่อมโยง เข้าใจความสัมพันธ์ทั้งภายในและระหว่างสาระการเรียนรู้


วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


กิจกรรมทดสอบกลางภาคเรียน
ประเด็นที่ 1
1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
การสอนแนะให้รู้คิด เป็นการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งที่พัฒนาเกี่ยวกับองค์ความรู้และทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการแก้ปัญหา ซึ่งจะสอนให้นักเรียนรู้จักคิด รู้จักการแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการต่างๆ ที่นำไปสู่คำถามเพื่อการแก้ปัญหา โดยจะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทำงานกันเป็นกลุ่ม ได้เสนอความคิดเห็นของตนเอง ซึ่งนักเรียนจะรู้จักการคิดวิเคราะห์  คิดสังเคราะห์และนำเหตุผลมาใช้ในการประกอบได้
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
- จะนำความรู้มาประยุกต์ใช้โดยการจะยกตัวอย่างโดยการนำสถานการณ์หรือปัญหาเกี่ยวกับในชีวิตประจำวันที่ใกล้ตัวนักเรียน แล้วให้ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นหรือร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
- หลังจากนั้นให้นักเรียนรวมกลุ่มกันวิเคราะห์สถานการณ์หรือปัญหา แล้วคำมาวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบ โดยครูจะมีข้อคำถามที่กระตุ้นให้นักเรียนรู้จักคิด แก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา และพร้อมที่จะให้คำแนะนำเมื่อนักเรียนมีปัญหา
- นักเรียนนำคำตอบที่ได้มาเสนอพร้อมทั้งบอกเหตุผล เมื่อได้ข้อสรุปที่ดีแล้ว หลังจากนั้นครูก็จะสรุปเป็นประเด็นที่ชัดเจนอีกที
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
            - จะออกแบบการสอนโดยที่จะเน้นรูปแบบการสอนแบบบูรณาการ โดยที่ครูจะจุดประการความคิดเริ่มแรกให้นักเรียนก่อน หลังจากนั้นให้นักเรียนร่วมกันคิด แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ถึงเรื่องดังกล่าวพร้อมทั้งบอกเหตุผล หลังจากนั้นให้นำเสนอหน้าชั้นเรียนเมื่อนำเสนอเสร็จให้เพื่อนๆช่วยกันถามถึงข้อสงสัย จนได้คำตอบที่สมบูรณ์เมื่อได้คำตอบนั้นแล้วให้นำคำตอบมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือนำไปบูรณาการกับวิชาอื่นโดยที่นักเรียนรู้จักการแก้ปัญหานั้นอยู่แล้ว
ประเด็นที่ 2
บทความเรื่อง ความเป็นครูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของดร.สุเมธ ตันติเวชกุล วารสารทักษิณ
1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
- ความเป็นครูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือประเทศของเราจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้นต้องขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชน ดังนั้น คนเป็นครูจะต้องมีความรู้จะต้องรู้ลึก รู้จริง ในเรื่องนั้นๆ รู้จนกระจ่างแจ้ง  ความสามารถทั้งในด้านการสอน การจัดกิจกรรม  สอนให้รู้จักพฤติกรรมในการทำประโยชน์กับผู้อื่น สอนให้รู้ รัก สามัคคี สอนแล้วให้นักเรียนรู้จักนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
            - ถ้าเป็นครูจะสอนให้นักเรียนรู้จักใช้ความคิด รู้จักการแก้ปัญหา สอนให้นักเรียนรู้ลึก รู้จริงในเรื่องนั้นๆ รู้จนกระจ่างแจ้ง จะสอนให้นักเรียนรู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม สอนให้นักเรียนรู้จักความสามัคคี
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
            - จะออกแบบการสอนโดยเน้นให้นักเรียนคิดเป็น ทำเป็น รู้จักการแก้ปัญหาเป็น อย่างเช่น ถ้าครูจะสอนเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม อันดับแรก คือ ครูจะร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับนักเรียน หลังจากนั้นให้นักเรียนวิเคราะห์ถึงสาเหตุและก็ปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วก็นำปัญหาที่ได้มาการแก้ปัญหารู้ว่าปัญหาดังกล่าวสามารถนำแนวทางใดมาใช้ในการแก้ปัญหาได้บ้าง เช่น หลักเศรษฐกิจพอเพียง หลักอิทธิบาท 4 หลังจากนั้นก็สรุปแบบองค์ความรู้ที่สมบูรณ์อีกหลัง

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 7

1. สอนเรื่องอะไร  ผู้สอนชื่อ  ระดับชั้นที่สอน
ชื่อเรื่อง : สนุกกับพาราโบลา
ครูผู้สอน : จักรกฤช เลื่อนกฐิน
ระดับชั้น : คณิตศาสตร์ ม.4
2. เนื้อหาที่ใช้สอนมีอะไรบ้าง
-นิยาม สมการ และส่วนประกอบต่างๆ ของพาราโบลา
3. จัดกิจกรรมการสอนด้าน (สติปัญญา=IQ, อารมณ์=EQ, คุณธรรมจริยธรรม=MQ)
สติปัญญา
-สิ่งที่นักเรียนได้รู้ คือ ครู
-ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดในชั้นเรียน
-สอนโดยการนำเกมเข้ามาใช้ ซึ่งเกมนั้นจะสอดแทรกเกี่ยวกับเนื้อหา
อารมณ์
-นักเรียนมีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส่ มีเสียงหัวเราะ
-เด็กมีสมาธิในการเรียน
คุณธรรมจริยธรรม
-เด็กให้ความร่วมมือในการตอบคำถามและในชั้นเรียน
-เมื่อครูให้ออกไปทำกิจกรรมหน้าห้องนักเรียนให้ความร่วมมือดี ไม่เกี่ยงกันออกไปทำ
-มีความสามัคคี โดยการเล่นเกมโดยเป็นทีม
-รู้จักการทำงานเป็นทีม
4. บรรยากาศการจัดห้องเรียน เป็นอย่างไร
บรรยากาศในห้องเรียนเป็นบรรยากาศที่สนุกสนานมาก น่าเรียน สีหน้าของนักเรียนดูสดชื่น แจ่มใส นักเรียนมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ นักเรียนสนใจสิ่งที่ครูสอน ครูเป็นกันเองกับนักเรียน